เมื่อพูดถึงจอคอมพิวเตอร์ เชื่อว่าทุกคนต้องรู้อยู่แล้วว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้สำคัญต่อการแสดงผล เพื่อให้เรามองเห็นสิ่งที่เราต้องการใช้จากสมองของคอมพิวเตอร์และสะดวกต่อการใช้งาน ดังนั้นจอคอมพิวเตอร์จึงเป็นอุปกรณ์ที่ทุกคนต้องมีและขาดไม่ได้
การจะเลือกจอคอมพิวเตอร์สักตัวให้สามารถใช้งานต่อเนื่องยาวๆ หลายคนที่ไม่สันทัดหรือไม่มีข้อมูลในการเลือกซื้อก็อาจเป็นกังวลได้ เพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงมีจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบให้เหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้นและมีให้เลือกมากมาย ดังนั้นวันนี้เรามาดูกันว่าการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเอง หรือมือใหม่ที่ต้องการหาจอคอมพิวเตอร์ไว้ใช้จะต้องดูอะไรบ้าง
ก่อนเลือกซื้อหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรรู้และควรเลือกอย่างไรถึงจะตอบโจทย์การใช้งานและใช้ได้นาน
1. ขนาด (Size)
จอคอมพิวเตอร์นั้นมีหลากหลายขนาดให้เลือก ตั้งแต่ 19 - 34 นิ้ว หรือมากกว่านั้น โดยความกว้างและความสูงของจอจะมีผลต่อการใช้งานในแต่ละประเภท ดังนี้
-
จอคอมพิวเตอร์ 19 - 22 นิ้ว จอคอมพิวเตอร์ขนาดนี้เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในบ้านหรือสำนักงาน เช่น ทำงานสำนักงานทั่วไป เรียนออนไลน์ ดูวิดีโอและการใช้งานบนเว็บไซต์
-
จอคอมพิวเตอร์ 23 - 24 นิ้ว เป็นขนาดจอคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน เหมาะสำหรับการใช้งานที่มีความต้องการขนาดจอกว้างขึ้น เช่น การทำงานบนโปรแกรมออกแบบ การแก้ไขรูปภาพ เล่นเกม หรือชมภาพยนตร์แบบ Full HD
-
จอคอมพิวเตอร์ 27 - 32 นิ้ว เป็นจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการพื้นที่การแสดงผลมากขึ้น เช่น โปรแกรมที่มีหลายหน้าต่างต้องแบ่งจอภาพในการทำงาน การตรวจสอบข้อมูลในระบบการเงิน การซื้อขายหุ้น เล่นเกมแบบมีฉากบิดหนีกลับหรือมุมมองกว้างๆ รวมถึงงานกราฟิกหรือการตัดต่อวิดีโอระดับโปร เป็นต้น Xiaomi Mi Desktop Monitor 27 EU เป็นจอมอนิเตอร์แบบ IPS ที่มาในขนาด 27 นิ้ว 75 Hz ให้ความละเอียดระดับ Full HD 1920x1080 พิกเซล มีโหมดแสงสีฟ้าต่ำที่ช่วยถนอมตาและลดความเหนื่อยล้าในการใช้งานนานๆ ได้ เป็นจอคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดใหญ่เหมาะกับคนที่ชอบจอใหญ่ๆ และใช้งานต่อเนื่องเลยทีเดียว
2. ความละเอียด (Resolution)
ความละเอียดของหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีผลต่อคุณภาพของภาพที่แสดงบนจอ ยิ่งความละเอียดสูงก็จะให้ภาพที่คมชัดและเห็นรายละเอียดชัดเจนมากขึ้น ซึ่งความละเอียดที่พบได้บ่อยๆ คือ
-
จอคอมพิวเตอร์ความละเอียดแบบ HD (High Definition): 1280x720 พิกเซล ซึ่งจอมอนิเตอร์แบบ HD นี้สามารถแสดงภาพได้คมชัด เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การทำงานบนโปรแกรมทั่วไป ดูวิดีโอและการท่องเว็บไซต์
-
จอคอมพิวเตอร์ความละเอียด Full HD (FHD): 1920x1080 พิกเซล จอมอนิเตอร์แบบ Full HD จะให้ความคมชัดและรายละเอียดที่ดีกว่า HD มากขึ้น เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น การทำงานบนโปรแกรมออกแบบ การแก้ไขรูปภาพ เล่นเกม ดูหนัง หรือซีรีส์ออนไลน์
-
จอคอมพิวเตอร์ความละเอียดแบบ 4K Ultra HD (UHD): มีความละเอียด 3840x2160 พิกเซล ซึ่งจอคอมพิวเตอร์ 4K UHD จะให้ความคมชัดและรายละเอียดที่สูงที่สุดในปัจจุบัน ภาพจะมีรายละเอียดมากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า เหมาะสำหรับการทำงานที่ต้องการคุณภาพระดับสูง ทั้งการออกแบบกราฟิก ตัดต่อระดับโปร เพื่อการตรวจสอบรายละเอียด รวมถึงความบันเทิงต่างๆ อย่างการเล่นเกม ดูหนัง หรือซีรีส์ที่ให้อรรถรสได้มากยิ่งกว่า
จอมอนิเตอร์ IPASON MONITOR E2728U-Z จอคอมพิวเตอร์แบบ 4K ที่มีอัตราเฟรมเรท 60 Hz ขนาด 27 นิ้ว เหมาะกับทุกโหมดการทำงาน รองรับงานระดับมืออาชีพด้านภาพ วีดีโอ Creator หรือดูหนัง ดูคอนเทนต์ เล่นเกมทั่วไปได้อย่างครบครัน
3. อัตราการรีเฟรชหน้าจอ (Refresh rate)
Refresh rate หรืออัตราการรีเฟรชหน้าจอ คือ ความเร็วที่จอคอมพิวเตอร์รีเฟรชแสดงภาพใหม่ใน 1 วินาที ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ เพราะอัตราการรีเฟรชจอจะมีผลต่อประสบการณ์การใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปจอคอมพิวเตอร์มี Refresh rate ที่แนะนำอยู่ที่ 60Hz - 144Hz หรือมากกว่านั้น
โดยการมี Refresh rate ที่สูงจะมีประโยชน์มากในการเล่นเกมและดูวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่ในการใช้งานทั่วไปอาจไม่จำเป็นต้องใช้อัตรา Refresh rate สูงเกินไป ใช้เริ่มต้นเพียง 60Hz หรือ 75Hz ก็เพียงพอแล้ว
4. ชนิดของพาเนล (Panel Type)
พาเนล หรือ Panel Type เป็นคุณสมบัติของหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการที่จอแสดงภาพ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณภาพของภาพที่แสดงบนจอ โดยปัจจุบันพาเนลที่นิยมใช้งานอยู่จะมี 3 แบบดังนี้
-
VA (Vertical Alignment): จอคอมพิวเตอร์ประเภท VA มีคุณสมบัติที่เน้นความเข้มของสีและความลึกของสีที่ดี นอกจากนี้ VA ยังมีความสามารถในการแสดงสีดำที่ดีกว่า IPS แต่คุณภาพของภาพเมื่อมองจากมุมมองสูงหรือต่ำ จะไม่ชัดเจนดีเท่ากับจอมอนิเตอร์แบบ IPS
-
TN (Twisted Nematic): จอคอมพิวเตอร์ประเภท TN เด่นด้วยราคาที่ไม่แพงและมี Response Time ที่เร็ว แต่มีข้อเสียคือมุมมองที่จำกัด ซึ่งหมายความว่าการมองจากมุมมองที่ไม่ตรงกันอาจทำให้ภาพดูซีด หรือความแม่นยำสีที่ไม่ได้ดีเท่าแบบอื่นๆ
5. ช่องเชื่อมต่อ หรือพอร์ต (Ports)
จอคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันควรมีการเชื่อมต่อหรือพอร์ตต่างๆ เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกและใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งพอร์ตหรือการเชื่อมต่อที่แนะนำว่าควรมีคือ
-
HDMI (High-Definition Multimedia Interface): เป็นพอร์ตที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น เครื่องเล่น Blu-ray เครื่องเกมและคอนโซลเกม ซึ่งจะสามารถส่งภาพและเสียงได้พร้อมกันผ่านสายเดียว
-
DisplayPort: เป็นอีกพอร์ตที่ใช้ในการเชื่อมต่อจอคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์ดิจิทัลอื่นๆ เช่น โน๊ตบุ๊ค จอมอนิเตอร์และกล่องรับสัญญาณ (Docking station) ซึ่งพอร์ตนี้สามารถส่งภาพและเสียงพร้อมกันได้ อีกทั้งยังให้ความละเอียดสูงอีกด้วย
-
VGA (Video Graphics Array): พอร์ต VGA เป็นพอร์ตที่ใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์แบบอนาล็อก หรือคอมพิวเตอร์ และโน๊ตบุ๊ครุ่นเก่าๆ ที่ไม่มีช่องเชื่อมต่อ หรือที่ยังไม่รองรับพอร์ตอื่นๆ
-
USB Type-C: เป็นพอร์ตที่หลากหลายฟังก์ชันและเป็นมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความหลากหลายในการใช้งานและมีความสามารถในการรับส่งข้อมูลและพลังงานที่ดี ซึ่งโดยส่วนมากสามารถใช้เชื่อมต่อกับจอคอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด เมาส์ หรือชาร์จอุปกรณ์เคลื่อนที่อื่นๆ ได้อีกด้วย
นี่คือเทคนิควิธีการเลือกซื้อจอคอมพิวเตอร์ จอเกมมิ่ง จอตัดต่อ หรือจอมอนิเตอร์พื้นฐานที่ต้องรู้ ที่เราได้รวบรวมมาฝากกัน สำหรับใครที่ไม่อยากออกไปซื้อจอคอมพิวเตอร์ที่หน้าร้าน หรือไม่สะดวกในการเดินทาง ที่ BaNANA Online เราครบครันทุกเรื่องของไอที ไม่ว่าจะจอคอมราคาถูก จอคอม 4K จอคอม 24 นิ้ว จอคอม 32 นิ้ว และจอคอมอื่นๆ ทุกขนาดที่คุณสนใจ สามารถเลือกชมและชอปปิงได้เลยที่ BaNANA Online พร้อมรับโปรโมชันดีๆ และของแถมสุดพิเศษ